757 ผลลัพธ์

ประสิทธิภาพของระบบ

แบตเตอรี่ , พาวเวอร์แบงค์ & สายชาร์ท

สำรองข้อมูล, เรียกคืนตั้งค่าโรงงาน & ตั้งค่าใหม่

เครือข่าย, การโทร & ผู้ติดต่อ

Application

รหัสผ่าน & บัญชี

ฟังก์ชัน & ตั้งค่า

อัพเดทซอร์ฟแวร์

ซ่อม, อาการเสียภายนอก & นโยบาย

บริการอื่น ๆ

ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด ๆ จาก Google Play Store ได้

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์： สมาร์ทโฟน，อุปกรณ์เสริม เวอร์ชันระบบ： ไม่มีเวอร์ชันระบบที่เกี่ยวข้อง

ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด ๆ จาก Google Play Store ได้ คุณได้พยายามดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน Google Play Store แต่ไม่สามารถทำได้ มีวิธีการการแก้ไขปัญหาที่คุณสามารถลองทำได้ เช่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Play Store ได้รับการอัปเดตและล้างแคชหรือไม่ และยังมีวิธีการแก้ไขอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้ ตรวจสอบที่นี่! เหมาะสำหรับ: สมาร์ทโฟน OPPO ทุกรุ่น ทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาด้านล่าง: 1. อัปเดต Play Store เปิด [Google Play Store] > แตะ [ เพิ่มเติม] > [การตั้งค่า] และแตะ [เวอร์ชัน Play Store] หากมีการอัปเดต Play Store จะเริ่มอัปเดตอัตโนมัติ หาก Play Store ของคุณเป็นรุ่นล่าสุดคุณจะได้รับการแจ้งว่า "Google Play Store เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว" 2. ล้างแคชและข้อมูลสำหรับบริการของ Google Play, Google Play Store และโครงสร้างบริการ Google หมายเหตุ: บัญชี Google ของคุณอาจออกจากระบบหลังจากล้างข้อมูล ขอแนะนำให้จำข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชี Google ของคุณก่อนที่จะทำตามขั้นตอนนี้. ในการทำสิ่งนี้ให้ไปที่ [การตั้งค่า] > [การจัดการแอป] > [แสดงระบบ] > [บริการของ Google Play] > [การใช้เนื้อที่เก็บข้อมูล] > [ล้างแคช] > [ล้างข้อมูล] ทำซ้ำขั้นตอนนี้สำหรับ Google Play Store และโครงสร้างบริการ Google ในบางอุปกรณ์คุณอาจต้องไปที่ [การตั้งค่า] > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [การจัดการแอป] > [ทั้งหมด] > [บริการของ Google Play] > [การใช้เนื้อที่เก็บข้อมูล]> [ล้างแคช] > [ล้างข้อมูล] 3. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโทรศัพท์ของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายและสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ลองใช้เบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดเว็บไซต์ใดก็ได้ และดูว่าโหลดได้หรือไม่ หากไม่มีให้เปลี่ยนเครือข่ายอื่นหรือติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ 4. ตรวจสอบการตั้งค่าการดาวน์โหลดแอป เปิด [Google Play Store] > แตะ [ เพิ่มเติม] > [ตั้งค่า] > [ค่ากำหนดการดาวน์โหลดแอป] และเลือก [ผ่านเครือข่ายใดก็ได้] 5. เปลี่ยนการตั้งค่าการอนุญาตเครือข่ายสำหรับบริการของ Google Play, Google Play Store และโครงสร้างบริการ Google ไปที่ [การตั้งค่า] > [Dual SIM & เครือข่ายมือถือ] > [ใช้ Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ] > [บริการของ Google Play] และเลือก [Wi-Fi และข้อมูลมือถือ] ทำซ้ำสำหรับ Google Play Store และโครงสร้างบริการ Google 6. ตรวจสอบที่เก็บข้อมูลภายในของคุณ หากอุปกรณ์ของคุณไม่มีพื้นที่เหลือ อุปกรณ์จะหยุดการดาวน์โหลดและติดตั้งแอป ดังนั้นขอแนะนำให้มีพื้นที่ว่างในอุปกรณ์ของคุณอย่างน้อย 1 GB คุณสามารถเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บได้โดยการล้างไฟล์ขยะและลบรูปภาพ วิดีโอ ไฟล์ที่ไม่จำเป็น ฯลฯ 7. รีสตาร์ทโทรศัพท์ 8. รีเซ็ตการตั้งค่าระบบโทรศัพท์ (ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ ColorOS 3.2 ขึ้นไป) ไปที่ [การตั้งค่า] > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [สำรองข้อมูลและรีเซ็ต] > [รีเซ็ตเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน] > [รีเซ็ตการตั้งค่าระบบเท่านั้น] หมายเหตุ: สิ่งนี้จะไม่ลบข้อมูลของคุณเนื่องจากจะเป็นการรีเซ็ตการตั้งค่าระบบเท่านั้น หากปัญหายังคงอยู่ โปรดติดต่อทีมสนับสนุนของ OPPO หรือนำโทรศัพท์และอะแดปเตอร์ของคุณไปที่ศูนย์บริการลูกค้า OPPO ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม บทความที่เกี่ยวข้อง: ปัญหา Play Store: อยู่ระหว่างการดาวน์โหลด ไม่สามารถอัปเดตหรือดาวน์โหลดแอปได้ Android Auto ของกูเกิล วิธีดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์บนแอป Google Maps * รูปภาพการตั้งค่าและเส้นทางอาจแตกต่างจากโทรศัพท์ของคุณ แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

คำแนะนำในการแชร์การสื่อสาร

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์： แท็บเล็ตพีซี，สมาร์ทโฟน เวอร์ชันระบบ： ColorOS 13.1 และใหม่กว่า

บทนำ การแชร์การสื่อสารทำให้แท็บเล็ตสามารถใช้ฟังก์ชันการสื่อสารของโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ ๆ ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โทรออกหรือรับสายโทรศัพท์ ส่งหรือรับข้อความ และเพิ่มความแม่นยำของตำแหน่ง การแชร์ข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ: เมื่อไม่มีเครือข่าย Wi-Fi สำหรับแท็บเล็ตของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเปิดฮอตสปอตของโทรศัพท์ เพียงเปิด Wi-Fi บนแท็บเล็ตและโทรศัพท์ของคุณ จากนั้นแท็บเล็ตจะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในโทรศัพท์ของคุณ การแชร์การโทร: เมื่อโทรศัพท์ของคุณรับสาย แท็บเล็ตก็จะรับสายด้วย และคุณสามารถเลือกรับสายบนอุปกรณ์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง หรือสลับอุปกรณ์ระหว่างการโทรได้ เมื่อโทรศัพท์ของคุณไม่พร้อมสำหรับการโทร คุณสามารถใช้แท็บเล็ตได้ การแชร์ข้อความ: ระบบจะส่งข้อความใหม่ไปยังโทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณในเวลาเดียวกัน คุณสามารถตอบกลับข้อความบนอุปกรณ์ใดก็ได้ คุณยังสามารถเริ่มการสนทนาด้วยข้อความบนแท็บเล็ตได้ การเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดตำแหน่ง: แท็บเล็ตของคุณสามารถใช้ตำแหน่ง GPS ผ่านโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อได้ ขั้นตอนการดำเนินงาน คุณสามารถใช้การแชร์ข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี HeyTap ของคุณ แต่หากต้องการใช้การแชร์การโทร การแชร์ข้อความ และการปรับปรุงตำแหน่ง คุณต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี HeyTap เดียวกันบนโทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณ ดำเนินการต่อไปนี้ทั้งบนโทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณ: 1. เปิด Wi-Fi และบลูทูธ 2. ไปที่ "การตั้งค่า - การเชื่อมต่อและการแชร์" และเปิดใช้งาน "เชื่อมต่ออุปกรณ์ด่วน" 3. ไปที่ "การตั้งค่า - การตั้งค่าเพิ่มเติม - บริการเสริม" และเปิด "ONet" และ "บริการรักษาความปลอดภัยสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์" 4. ไปที่ "การตั้งค่า - สิทธิ์และความเป็นส่วนตัว - ตำแหน่ง" และเปิด "บริการตำแหน่ง" 5. ไปที่ "การตั้งค่า - การเชื่อมต่อและการแชร์" จากนั้นแตะ "Multi-Screen Connect" และยอมรับคำแถลงด้านการใช้งานของ Multi-Screen Connect และการให้สิทธิ์ที่จำเป็น 6. ไปที่ "การตั้งค่า - การเชื่อมต่อและการแชร์ - Multi-Screen Connect" และเปิด "การเชื่อมต่ออัตโนมัติ" 7. ไปที่ "การตั้งค่า - การเชื่อมต่อและการแชร์ ‑ Multi-Screen Connect ‑ การแชร์การสื่อสาร" และเปิด "การแชร์ข้อความ" "การแชร์ข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ" "การแชร์การโทร" และ "การเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดตำแหน่ง" หมายเหตุ: กรุณาอัพเดตโทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณให้เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน ColorOS 13.1 หรือเวอร์ชันล่าสุด เพื่อใช้ฟีเจอร์นี้ โทรศัพท์ที่รองรับ: 1) ค้นหาซีรีส์ N: OPPO Find N3、OPPO Find N3 Flip、OPPO Find N2 Flip 2) ค้นหาซีรีส์ X: OPPO Find X5 Pro、OPPO Find X5 Lite、OPPO Find X3 Pro、OPPO Find X2 Pro 3) ซีรีส์ Reno: OPPO Reno10 5G、OPPO Reno10 Pro 5G、OPPO Reno10 Pro+ 5G、OPPO Reno8 5G、OPPO Reno8 Pro 5G、OPPO Reno7 5G、OPPO Reno7 Pro 5G、OPPO Reno6 5G、OPPO Reno6 Pro 5G、OPPO Reno5 Pro 5G แท็บเล็ตที่รองรับ: OPPO Pad 2 เคล็ดลับ: 1) ฟีเจอร์นี้จะส่งผลหากคุณเห็นขีดความแรงของสัญญาณมือถือในแถบสถานะบนแท็บเล็ตของคุณ 2) ฟีเจอร์นี้จะไม่ส่งผลต่อการทำงานหากแท็บเล็ตของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi หากต้องการใช้ฟีเจอร์ โปรดไปที่ "การตั้งค่า - Wi-Fi" ค้นหาเครือข่าย Wi-Fi ที่เชื่อมต่ออยู่ในปัจจุบัน แล้วแตะ "ตัดการเชื่อมต่อ" หรือ "เลิกใช้" 3) ฟีเจอร์นี้บนโทรศัพท์สามารถแชร์กับแท็บเล็ตได้ครั้งละหนึ่งเครื่องเท่านั้น 4) หากโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณใช้เวอร์ชันที่เก่ากว่า ColorOS 14.0 คุณจะต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชีเดียวกันบนอุปกรณ์ทั้งสองเครื่อง

วิธีล็อกแอปพลิเคชันในพื้นหลังของโทรศัพท์

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์： สมาร์ทโฟน เวอร์ชันระบบ： ไม่มีเวอร์ชันระบบที่เกี่ยวข้อง

ต้องการทราบวิธีล็อกแอปพลิเคชันในพื้นหลังของโทรศัพท์ OPPO ของคุณใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่, คุณมาถูกที่แล้ว! คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการล็อกแอปพลิเคชันในพื้นหลัง อ่านเพิ่มเติมที่ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีล็อกแอปพลิเคชันในพื้นหลังของโทรศัพท์ของคุณ! เหมาะสำหรับ: อุปกรณ์ที่ใช้ ColorOS ตรวจสอบเวอร์ชัน ColorOS ของคุณได้ที่ [การตั้งค่า] > [เกี่ยวกับโทรศัพท์] ล็อกแอปพลิเคชันในพื้นหลัง สำหรับอุปกรณ์ ColorOS 5.0 1. แตะที่ [ปุ่มเมนู] 2. เลื่อนหน้าจออินเตอร์เฟซของแอปพลิเคชันลงมา จนเห็นไอคอนการล็อกที่มุมบนซ้ายมือ ถ้าไอคอนเป็นสีเทาบนหน้าต่างแอป แสดงว่าไม่สามารถล็อกไว้ที่พื้นหลังได้ สำหรับอุปกรณ์ ColorOS 3.2 และที่ต่ำกว่า 1. แตะที่ [ปุ่มเมนู] 2. เลื่อนหน้าจอของแอปพลิเคชันลงมา จนเห็นไอคอนการล็อกที่มุมบนซ้ายมือ คุณจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับแอปที่ได้รับการสนับสนุนสำหรับการล็อกในพื้นหลัง * รูปภาพ, การตั้งค่า และการดำเนินการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโทรศัพท์แต่ละรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

วิธีการเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์อย่างรวดเร็วบนโทรศัพท์ OPPO

วิธีการเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์อย่างรวดเร็วบนโทรศัพท์ OPPO และนี่คือวิธีที่คุณสามารถทำได้ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด: กวาดนิ้วลงจากด้านบนสุดของหน้าจอใด ๆ เพื่อเปิด [ศูนย์ควบคุม] และกดที่ [โหมด] จากนั้นจะปรากฏตัวเลือกของโหมดดังต่อไปนี้: โหมดมาตรฐาน เมื่อคุณต้องการให้แอปพลิเคชันที่ติดตั้งทั้งหมดแสดงบนหน้าจอหลัก โหมดโฟกัส เมื่อคุณต้องการหยุดและไม่ใช้โทรศัพท์ของคุณเพื่อให้จิตใจของคุณสามารถผ่อนคลายและนั่งสมาธิ ใช้เวลา 50 นาทีต่อเซสชันที่มี Wheatfield, Waves และ Summer Night เป็นเสียง Ambient คุณสามารถปรับแต่งเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้มากขึ้นได้ โหมดการขับขี่ (โหมดการขับขี่อัจฉริยะ) เมื่อคุณไม่ต้องการถูกรบกวนจากการแจ้งเตือนขณะขับรถ โดยการแจ้งเตือนจะถูกบล็อกเพื่อลดการรบกวน แล้ววันนี้จะใช้โหมดอะไรดีนะ การใช้งานของโหมดต่าง ๆ จะใช้งานได้สำหรับ ColorOS 7.0 ขึ้นไป

ฟังก์ชั่น AI Editor บน OPPO Find X8 Series คืออะไร

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์： สมาร์ทโฟน เวอร์ชันระบบ： ColorOS 15

AI Editor เป็นเครื่องมือปฏิวัติวงการที่ออกแบบมาเพื่อกอบกู้และปรับปรุงรูปภาพที่ไม่น่าพอใจ ให้ใช้งานได้และมีคุณภาพสูง ด้วยความสามารถ AI ขั้นสูง ฟีเจอร์นี้จึงมอบชุดวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะสำหรับการปรับปรุงความชัดเจนของรูปภาพ แก้ไขความเบลอ และลบแสงสะท้อนที่ไม่ต้องการ ไม่ว่ารูปภาพของคุณจะมีความละเอียดต่ำ เบลอ หรือได้รับผลกระทบจากแสงสะท้อนจากหน้าต่าง AI Editor ก็ช่วยคุณได้ คุณสมบัติของ AI Editor เพิ่มความชัดเจน ตรวจจับและซ่อมแซมภาพที่มีความละเอียดต่ำหรือภาพเบลอโดยอัตโนมัติ แก้ไขความเบลอที่เกิดจากการครอบตัดและจัดองค์ประกอบภาพใหม่ได้อย่างราบรื่น รับประกันภาพที่มีความคมชัดและมีรายละเอียดโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย แก้ไขภาพเบลอด้วย AI ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของ AIGC ฟังก์ชัน AI Unblur ช่วยคืนรายละเอียดที่แท้จริง สีที่แม่นยำ และเอฟเฟกต์แสงธรรมชาติ ลบการลากและเบลอที่เกิดจากการถ่ายภาพอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัด การกำจัดแสงสะท้อนด้วย AI ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับภาพถ่ายผ่านหน้าต่าง เช่น ภาพทิวทัศน์หรือภาพบุคคล ใช้ AI เพื่อขจัดแสงสะท้อนบนกระจก ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพและความสวยงาม วิธีเปิดใช้งาน AI Editor หากต้องการใช้ AI Editor ให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้: เปิดแอปรูปภาพ เลือกรูปภาพที่คุณต้องการแก้ไข คลิก [แก้ไข] > [AI Editor] * รูปภาพ การตั้งค่า และเส้นทางอาจแตกต่างจากโทรศัพท์ของคุณ แต่สิ่งนั้นไม่ส่งผลต่อคำอธิบายในบทความนี้

การตอบกลับด่วนบนหน้าจอปกของ OPPO Find N2 Flip

เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์： สมาร์ทโฟน เวอร์ชันระบบ： ColorOS 13.1 และใหม่กว่า

เพียงสัมผัสเพียงครั้งเดียว คุณก็สามารถส่งข้อความและอิโมจิที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อดำเนินการสนทนาผ่านการตอบกลับอย่างรวดเร็วบนหน้าจอปกของ OPPO Find N2 Flip การตอบกลับด้วยอิโมจิและข้อความอย่างรวดเร็ว หน้าจอปกของ OPPO Find N2 Flip รองรับการตอบกลับด่วนสองประเภท: อิโมจิและข้อความแบบกำหนดเอง ตอบกลับด่วนด้วยอิโมจิ เลือกจากอิโมจิต่างๆ เพื่อตอบกลับเพื่อนของคุณอย่างรวดเร็ว กำหนดข้อความเพื่อใช้ตอบกลับด่วน คุณสามารถเลือกหรือปรับแต่งข้อความเพื่อตอบกลับอย่างรวดเร็วได้ วิธีปรับแต่งข้อความในการตอบกลับด่วน ไปที่ [การตั้งค่า] > [ฟีเจอร์สำหรับโทรศัพท์พับได้] > [ตอบกลับด่วน] > [เพิ่มการตอบกลับ] และพิมพ์ข้อความที่ต้องการ > [บันทึก] บทความที่เกี่ยวข้อง: วิธีใช้ One-Swipe Display บน OPPO Find N2 Flip * รูปภาพ การตั้งค่า และวิธีการอาจแตกต่างจากโทรศัพท์ของคุณ แต่จะไม่ส่งผลต่อคำอธิบายในบทความนี้ นอกจากนี้ รูปภาพทั้งหมดที่ใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น ผลิตภัณฑ์จริงอาจแตกต่างกันเนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์

การตรวจจับปัญหาทั่วไปบนโทรศัพท์ OPPO

การตรวจจับปัญหาทั่วไปบนโทรศัพท์ OPPO ตัวจัดการโทรศัพท์ในโทรศัพท์ OPPO ของคุณช่วยให้คุณวินิจฉัยปัญหาทั่วไปของโทรศัพท์และค้นหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว ด้านล่างนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ในการตรวจสอบปัญหาบนโทรศัพท์ OPPO ของคุณ หมายเหตุ: ตรวจสอบเวอร์ชัน ColorOS ของคุณได้ที่ [การตั้งค่า] > [เกี่ยวกับโทรศัพท์]/[เกี่ยวกับอุปกรณ์] ตรวจหาปัญหาโทรศัพท์ทั่วไป ตรวจสอบปัญหาโทรศัพท์ทั่วไปโดยเข้าไปที่ [ตัวจัดการโทรศัพท์] > [การตรวจสอบทั่วไป]/[การตรวจหาปัญหาทั่วไป]/[การวินิจฉัย] เลือกรายการที่คุณต้องการตรวจจับแล้วแตะที่ [เริ่มการตรวจจับ]/[ดำเนินการวินิจฉัย] รายการที่ตรวจสอบโดยอัตโนมัติ รายการตรวจจับอัตโนมัติประกอบด้วยหน่วยความจำโทรศัพท์ ซิมการ์ด และเวอร์ชันของระบบ โทรศัพท์จะทำการตรวจจับโดยอัตโนมัติ รายการที่ตรวจสอบด้วยตนเอง การตรวจจับด้วยตนเองใช้เพื่อตรวจจับเซ็นเซอร์ การเชื่อมต่อ แบตเตอรี่ และการชาร์จ แป้นจริง หน้าจอ กล้อง เสียง และการสั่น ในระหว่างการตรวจจับ คุณต้องทำตามคำแนะนำบนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณ โทรศัพท์จะแสดงรายการผลการทดสอบทั้งหมดของระบบและแสดงรายการที่คาดว่าผิดปกติ กดที่รายการที่ผิดปกติเพื่อดูวิธีแก้ปัญหาที่โทรศัพท์ของคุณแนะนำ บันทึกการตรวจสอบ แตะที่ [บันทึก]/[ประวัติ] เพื่อดูบันทึกการตรวจจับทั้งหมดได้ บทความที่เกี่ยวข้อง: ปัญหาในการรับชมวิดีโอ: ไม่มีเสียง ล่าช้า ไม่สามารถใช้เครื่องเล่นวิดีโอได้ วิธีการแก้ปัญหากรณีโทรศัพท์เกิดความเสียหายจากน้ำหรือเกิดความเสียหายจากของเหลวอื่น ๆ หากเกิดปัญหาการรับข้อความล่าช้า ปัญหาแถบการแจ้งเตือนไม่ทำงานหรือไม่เลื่อนลง E-Warranty Card ของ OPPO สมาร์ทโฟน ลิงก์อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์: ดาวน์โหลดการอัปเดตซอฟต์แวร์ล่าสุดของโทรศัพท์ OPPO ของคุณ ตรวจสอบสถานะการรับประกันของ OPPO ออนไลน์ ตรวจสอบราคาอะไหล่ OPPO ออนไลน์ ค้นหาศูนย์บริการ OPPO ใกล้บ้านคุณ ตรวจสอบสถานะการส่งซ่อม OPPO บริการรับส่งเครื่องซ่อมฟรี * รูปภาพ การตั้งค่า และการดำเนินการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโทรศัพท์แต่ละรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

ตัวช่วยสำหรับการเข้าถึงบนอุปกรณ์โทรศัพท์ OPPO คืออะไรและจะเปิดใช้งานได้อย่างไร

ตัวช่วยสำหรับการเข้าถึงบนอุปกรณ์โทรศัพท์ OPPO คืออะไรและจะเปิดใช้งานได้อย่างไร สถานการณ์: คุณต้องการทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติตัวช่วยการเข้าถึงและวิธีเปิดใช้งานทางลัดในโทรศัพท์ OPPO เหมาะสำหรับ: อุปกรณ์ที่มี ColorOS 6.0 ขึ้นไป โดยสามารถตรวจสอบเวอร์ชัน ColorOS ของคุณได้ที่ [การตั้งค่า] > [เกี่ยวกับโทรศัพท์] ตัวช่วยการเข้าถึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางสายตา หากต้องการเปิดทางลัดของตัวช่วยการเข้าถึงให้ไปที่ [การตั้งค่า] > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [การช่วยการเข้าถึง] > [ทางลัดการเข้าถึง] และกดสลับเพื่อเปิดใช้งาน นอกจากนี้คุณยังสามารถทำให้เปิดใช้งานตัวช่วยการเข้าถึงได้เมื่อหน้าจอถูกล็อกโดยกดสลับไปที่ [ใช้ได้แม้เมื่อหน้าจอถูกล็อก] จากนั้นตั้งค่าบริการทางลัดที่คุณต้องการ เมื่อตั้งค่าแล้วคุณสามารถกดทั้งปุ่มเพิ่มระดับเสียงและลดระดับเสียงเป็นเวลา 3 วินาทีเพื่อเปิดบริการการเข้าถึง หมายเหตุ: รายการบริการในบริการทางลัดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่น ColorOS และรุ่นโทรศัพท์ * รูปภาพ, การตั้งค่า และการดำเนินการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโทรศัพท์แต่ละรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

ฟีเจอร์ TalkBack ในโทรศัพท์ OPPO คืออะไร?

ฟีเจอร์ TalkBack ในโทรศัพท์ OPPO คืออะไร? สถานการณ์: คุณต้องการเปิดใช้งานคุณสมบัติ TalkBack บนโทรศัพท์ของคุณ เหมาะสำหรับ: อุปกรณ์ที่มี ColorOS 3.0 ขึ้นไป โดยสามารถตรวจสอบเวอร์ชัน ColorOS ของคุณได้ที่ [การตั้งค่า] > [เกี่ยวกับโทรศัพท์] TalkBack เป็นโปรแกรมอ่านหน้าจอสำหรับผู้ใช้ที่ตาบอดเป็นหลัก โดยโปรแกรมนี้จะช่วยให้อุปกรณ์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้โดยจะใช้เสียงพูดเพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่ามีอะไรบนหน้าจอที่พวกเขาหรือเปิดใช้งาน และสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้บ้าง เปิดใช้งาน TalkBack ไปที่ [การตั้งค่า]บนหน้าจอหลักของคุณ > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [ตัวช่วยการเข้าถึง] > [TalkBack] สลับไปที่ [TalkBack] และแตะ [ตกลง] เพื่ออนุญาตการเข้าถึง การตั้งค่า TalkBack ไปที่ [การตั้งค่า] > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [การเข้าถึง] > [TalkBack] > [การตั้งค่า] คุณสามารถตั้งค่าคำพูด, การนำทางและอื่น ๆ ตามความต้องการของคุณ โดยคุณสามารถค้นหาคู่มือการใช้งาน TalkBack ได้ในการตั้งค่า นำทางโดยใช้ TalkBack วิธีย้ายระหว่างรายการ: ปัดไปทางขวาหรือซ้าย การเลือกหรือเปิดใช้งานรายการ: แตะตัวเลือกเพื่อแสดงกรอบสีเขียวจากนั้นแตะสองครั้งเพื่อเปิดใช้งาน การเลื่อนหน้าจอ: ลากขึ้นหรือลงด้วยสองนิ้ว ปิดการใช้งาน TalkBack แตะเพื่อเลือกจากนั้นแตะสองครั้ง [การตั้งค่า] > [การตั้งค่าเพิ่มเติม] > [ตัวช่วยการเข้าถึง] > [TalkBack] แตะที่สลับสองครั้งเพื่อปิด [TalkBack] และแตะสองครั้ง [ปิด] เพื่อยืนยัน หากตั้งค่า TalkBack เป็นปุ่มลัดสำหรับผู้พิการให้กดปุ่มปรับระดับเสียงทั้งสองปุ่มค้างไว้ 3 วินาทีเพื่อปิดการใช้งาน TalkBack (คุณลักษณะทางลัดการช่วยสำหรับการเข้าถึงมีเฉพาะในอุปกรณ์ ColorOS 6.0 ขึ้นไป) * รูปภาพ, การตั้งค่า และการดำเนินการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโทรศัพท์แต่ละรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

รีเซ็ตรหัสผ่านด้วยลายนิ้วมือเมื่อลืมรหัสปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์

รีเซ็ตรหัสผ่านด้วยลายนิ้วมือเมื่อลืมรหัสปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ สถานการณ์: คุณต้องการรีเซ็ตรหัสผ่านด้วยลายนิ้วมือเพื่อใช้ปลดล็อกโทรศัพท์ เหมาะสำหรับ: อุปกรณ์ที่มี ColorOS เวอร์ชัน 3.2 ขึ้นไป ตรวจสอบเวอร์ชัน ColorOS ของคุณได้ที่ [การตั้งค่า] > [เกี่ยวกับโทรศัพท์] เมื่อโทรศัพท์ของคุณปลดล็อกอยู่ คุณสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านล็อกหน้าจอได้จากหน้าการตั้งค่า 1. ไปที่ [การตั้งค่า] > [ลายนิ้วมือ, ใบหน้าและรหัสผ่าน] ป้อนรหัสผ่านผิดห้าครั้ง จากนั้นโทรศัพท์จะจำกัดการใส่รหัสผ่าน คุณจะต้องรออีก 30 วินาที เพื่อป้อนรหัสผ่านอีกครั้ง 2. เมื่อหมดเวลาแล้ว ให้แตะที่แตะเพื่อรีเซ็ตรหัสผ่าน 3. วางนิ้วของคุณบนเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือจากนั้นป้อนรหัสผ่านใหม่ของคุณและยืนยัน * รูปภาพ, การตั้งค่า และการดำเนินการอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโทรศัพท์แต่ละรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับคำอธิบายในบทความนี้

1 48 49 50 76

/ 76

{{pageTranslation.useProduct}}： {{ detailData.useProduct&&detailData.useProduct.length>0? detailData.useProduct.join('，'):pageTranslation.useProduct_placeholder}}

{{pageTranslation.systemCategory}}： {{detailData.systemCategory&&detailData.systemCategory.length>0?detailData.systemCategory.join('，'):pageTranslation.systemCategory_placeholder}}